ภาษีประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
ตามที่ พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561ได้แก้ไขข้อกฎหมายเพิ่มเติมในมาตรา 40 และมาตรา 50 มีดังนี้
“(1) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกัน ที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล
(2) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ถือเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ซ) และ (ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร
(3) ในมาตรา 50 แห่งประมวลรัฐฎากร ในกรณีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) (ซ) และ (ฌ) ให้คำนวณหักในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้”
กล่าวคือ การเสียภาษีสำหรับดิจิทัลโทเคนจะคำนวณจากผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวจะได้มาจาก
- ผลกำไรจากการขายโทเคน (Capital gain) ผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งผลกำไรนี้จะ “ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย” โดยจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
- ผลตอบแทนที่ผู้ถือโทเคนได้รับจากการลงทุน (Investment Token) สำหรับผลตอบแทนที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป และได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ไว้แล้ว ให้ถือเป็น Final Tax ที่ไม่ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก แต่หากนักลงทุนมีการจ่ายภาษีต่ำกว่า 15% สามารถขอคืนส่วนต่างที่ถูกหักไปได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับโทเคนดิจิทัล ได้ที่ การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับโทเคนดิจิทัล
ท่านสามารถศึกษารายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง :
พระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๘๘) พ.ศ. ๒๕๖๗
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๘๙) พ.ศ. ๒๕๖๗